ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การเขียน Force download ด้วย PHP


การทำ Force download ด้วย PHP นั้น ไม่ไช่เรื่องใหม่อะไร มีการเขียนโค้ดด้วยลักษณะนี้อยู่บ่อยๆ แต่ผมต้องนำมาแปะเป็นทริคเล็กน้อยกันตัวเองลืมครับ ประโยชน์ของมันคือในกรณีที่เราไม่สามารถเข้าไปจัดการ Apache config ได้เราสามารถใช้วิธีนี้แทนได้


/**
 * DOWNLOAD
 * 
 * @author PHONGTHORN KUMKANKAEW
 * @version 1.0.0
 * @since 17/2/2015
 * 
 */

if(isset($_GET['file']) && !empty($_GET['file']))
{
 $file_name = 'download/' . $_GET['file'];

 if(is_file($file_name))
 {
  if(ini_get('zlib.output_compression')) 
  {
   ini_set('zlib.output_compression', 'Off');
  }

  switch(strtolower(substr(strrchr($file_name, '.'), 1)))
  {
   case 'pdf': $mime = 'application/pdf'; break;
   case 'zip': $mime = 'application/zip'; break;
   case 'jpeg':
   case 'jpg': $mime = 'image/jpg'; break;
   default: $mime = 'application/force-download';
  }

  header('Pragma: public');
  header('Expires: 0');
  header('Cache-Control: must-revalidate, post-check=0, pre-check=0');
  header('Last-Modified: ' . gmdate ('D, d M Y H:i:s', filemtime ($file_name)) . ' GMT');
  header('Cache-Control: private',false);
  header('Content-Type: ' . $mime);
  header('Content-Disposition: attachment; filename="' . basename($file_name) . '"');
  header('Content-Transfer-Encoding: binary');
  header('Content-Length: ' . filesize($file_name));
  header('Connection: close');
  readfile($file_name);
  exit();
 }
}

จากตัวอย่างจะสร้างไฟล์ PHP ชื่อ download.php จากนั้น get ค่าชื่อไฟล์ที่เราต้องการโหลดจากนั้น ไฟล์ download.php จะสั่งให้ browser ทำการโหลดไฟล์จาก Server ของเรา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การเพิ่ม Font ภาษาไทยอื่นๆ เข้าไปใช้งานใน MPDF

เนื่องมาจากผมได้มีโอกาสจับงานที่ต้องแปลงหน้าเว็บให้เป็น PDF ลองๆ หาข้อมูลก็ไปเจอเจ้าตัวนี้ MPDF  ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีให้ใช้งานอีกหลายๆ ตัว สาเหตุที่เลือกใช้งานตัวนี้เพราะมัน ค่อนข้างจะติดตั้ง และใช้งานง่าย และยังสามารถอ้างอิง CSS เข้ามาช่วยจัดหน้าตาใน PDF ได้อีกด้วย ซึ่งผลที่ได้เพี้ยนไปจากตัวจริงไม่มากครับ แต่ที่ทำให้เลือกใช้งานเพราะการเพิ่มฟ้อนท์ภาษาไทย เข้าไปนั้นค่อนข้างง่ายครับ เลยจะขอมาแนะนำดังนี้

การใช้งาน คำสั่ง file_exists() อย่างเข้าใจ

นี่อาจจะไม่เรื่องใหม่อะไรสำหรับ Professional ทั้งหลาย แต่ว่าสำหรับผมที่เข้าใจ และใช้งานอย่างผิดๆ มาตลอด จนบางทีก็เข้าใจว่า เราเขียนผิด หรือ คำสั่งมันใช้งานไม่ได้ วันนี้จะขอมาพูดถึงเรื่องของคำสั่ง PHP ที่ชื่อ file_exists เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับตรวจสอบไฟล์ว่ามีอยู่จริงหรือไม่? ตัวอย่างการใช้งานแบบผิดๆ ที่ผมใช้ก็คือ file_exists('/images/news/helloworld.jpg'); ผลลัพธ์ที่ได้คือ FALSE ถึงแม้ว้าจะมีไฟล์นั้นอยู่จริงก็ตาม ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การใช้งานที่ถูกต้องคือ file_exists($_SERVER['DOCUMENT_ROOT'] . '/images/news/helloworld.jpg'); จากตัวอย่างที่ถูกต้อง ทำให้เข้าใจแบบง่ายๆ ว่าคำสั่ง file_exists นั้นใช้สำหรับเช็ค path ในโฟลเดอร์จริงๆ เท่านั้น ไม่สามารถเช็คจาก URL ได้ อันนี้เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ผมเข้าใจผิดมาอยู่นานเลยทีเดียวเลยต้องขอลงบันทึกเตือนตัวเองไว้อีกที :3

มาเข้าใจ และใช้ Datatable ดึงข้อมูลแบบ Server-side ด้วย PHP, MySQL กันเถอะ

มีช่วงหนึงผมเคยนำ datatable มาพัฒนาในงานแต่เกิดปัญหาเนื่องจากมีข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้เกิดการโหลดในครั้งแรกที่โหลดหน้าเพจนั้นๆ เนื่องจากผมใช้ Ajax ในการโหลดข้อมูลทั้งหมดมาในครั้งเดียวด้วยจำนวนข้อมูล 1000 ขึ้น ซึ่งตอนนั้นผมคิดว่าการทำ preload น่าจะช่วยได้ แต่ว่าถ้า user เกิดเผลอไปกด refesh หรือแก้ไขข้อมูลเวลากลับมาที่หน้าข้อมูลก็ต้องโหลดใหม่อีก ทำให้ผมเลิกใช้ datatable ไปเลย เพราะคิดว่ามันคงไม่เหมาะ แต่ในความจริงแล้ว datatable ก็ได้มีสิ่งที่มาแก้ในจุดนั้นได้ ซึ่งเรียกว่า server-side โดยการที่อนุญาตให้เรา query ข้อมูลออกมาก่อนแล้วส่งมาให้ datatable อ่านข้อมูลในจำนวนที่น้อยลง หลักการก็เหมือนๆ กับบทความการทำสร้าง XML จากข้อมูลขนาดใหญ่นั่นแหละครับ แต่มีเงื่อนไขเพียงแต่ว่า ต้อง Filter และส่งข้อมูลออกมาในรูปแบบที่ตรงตามหลักของ datatable เท่านั้น ( บางครั้งเวลาเข้าไปอ่าน Document หรือดู Example จะงงๆ ว่าอะไรเยอะแยะ ) โดยวันนี้จะมาแนะนำการใช้งานแบบง่ายๆ กันเลย :D